ใช้ได้ไม่ถึงปี  แผ่นยางกรีดน้ำฝนเริ่มบิ่น   กรีดน้ำไม่หมด  มีน้ำตกค้างบนกระจกเป็นรอยยาว

การแก้ปัญหานี้  คิดว่า  อาจจะต้องลองวิเคราะห์ต้นเหตุของปัญหา โดยใช้ การสร้างจินตนาการด้วย SLP ( Smart Little People )

SLP เป็นวิธีการเชิงจิตวิทยาที่อัลท์ชูลเลอร์ได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อค้นหาและแก้ไขปัญหา โดยการจินตนาการเป็นมนุษย์ตัวน้อยที่ชาญฉลาดแทรกซึมเข้าไปในจุดที่เกิดปัญหา เพื่อมองปัญหานั้นในระดับจุลภาพอันอาจนำไปสู่คำตอบในการแก้ปัญหาได้
http://www.trizthailand.com/elearning/course/category.php?id=2

เมื่อลองจินตนาการแล้ว   อาจพบว่ามีคราบสกปรกตกค้างอยู่ที่ผิวกระจกซึ่งเป็นสาเหตุทำให้คมมีดของที่ปัดน้ำฝนบิ่น   เกิดน้ำตกค้างบนผิวกระจกเป็นแนวยาวโค้งตามรอยบิ่น

แนวทางการแก้ปัญหาอาจเริ่มจากการมองหาคู่ความขัดแย้งของคุณสมบัตให้เจอเพื่อค้นหาหลักการที่จะใช้ประยุกต์ในการแก้ปัญหา

หรืออาจมองหา Effects หรือ Resources ที่เหมาะสมให้เจอเพื่อนำมาประยุกต์ใช้

Resources คือ เป็นชื่อเรียกโดยรวมของทรัพยากรต่างๆที่อยู่รายล้อมระบบซึ่งสามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาเพื่อปรับปรุงระบบทางเทคนิคได้ เช่น วัตถุ พลังงาน คุณสมบัติ ตลอดเงื่อนไขของสภาพแวดล้อม เป็นต้น  แม้แต่ความคิดสร้างสรรค์ในอดีตก็นำมาใช้เป็นรีซอร์สได้เหมือนกัน  

อย่างเช่น ไอเดียในการทำที่โกนหนวดด้วยใบมีด ๒ ชั้น  เพื่อให้สามารถโกนได้เกลี้ยงเกลามากขึ้น    ก็อาจจะนำมาประยุกต์ใช้ทำเป็นมีดปาดน้ำฝนซ้อน ๒ ชั้น   เผื่อชั้นใดบิ่น   อีกชั้นหนึ่งอาจช่วยปาดน้ำที่ตกค้างออก  ไม่ให้เป็นรอยได้

ตัวอย่างวิวัฒนาการของใบมีดโกนหนวด

จากชั้นเดียว   เป็น  ๒  ชั้น

อาจารย์ ครับ แล้วทำไม ข้างซ้าย กับ ข้างขวา มันยาวไม่เท่ากัน ครับ.......

ใช้หลักการไม่เห็นต้องสมมาตร (ข้อ 4 ครับ.......)

จาก หลักการ 40 ข้อ ในการแก้ปัญหาเชิงประดิษฐ์คิดค้น

1. การแบ่งออกเป็นส่วนๆ (ทำเป็นส่วนย่อย)
2. การสกัดออก การแยกออก
3. คุณสมบัติประจำตัว
4. ความไม่สมมาตร
5. การรวมเข้าด้วยกัน
6. การใช้งานหลากหลายวัตถุประสงค์
7. การซ้อนกันเป็นชั้นๆ
8. การคานน้ำหนักกัน
9. การกระทำต่อต้านล่วงหน้า
10. การกระทำล่วงหน้า
11. การป้องกันล่วงหน้า
12. ใช้พลังงายนศักย์เท่ากัน
13. ทำกลับทิศทาง (กลับหัวกลับหาง)
14. ความเป็นทรงกลม
15. ความเป็นพลวัต
16. การทำกิริยาเป็นบางส่วนหรือมากเกินไป
17. เปลี่ยนไปสู่มิติใหม่
18. การสั่นสะเทือนเชิงกล
19. การกระทำเป็นจังหวะ
20. ความต่อเนื่องของการกระทำที่เป็นประโยชน์
21. การกระทำอย่างว่องไว
22. เปลี่ยนอันตรายให้เป็นประโยชน์
23. การป้อนกลับ
24. ใช้ตัวกลาง
25. การช่วยตัวเอง
26. การลอกแบบ
27. ใช้แล้วทิ้ง
28. เปลี่ยนทดแทนระบบเชิงกล
29. ใช้ระบบควบคุมด้วยลมอัดหรือน้ำมันอัด
30. แผ่นฟิล์มยืดหยุ่นหรือแผ่นเยื่อบาง
31. ใช้วัสดุที่เป็นรูพรุน
32. การเปลี่ยนสี
33. ความเป็นเนื้อเดียวกัน
34. คัดชิ้นส่วนออกและฟื้นฟูสภาพชิ้นส่วน
35. การแปลงคุณสมบัติ
36. การเปลี่ยนสถานะ
37. การขยายตัวเนื่องจากความร้อน
38. เติมออกซิเจนอย่างรวดเร็ว
39. สภาพแวดล้อมที่เฉื่อย
40. วัสดุผสม

  ตอนเล็กๆเคยเห็นหลวงตา เอายางวงที่รัดถุลกับข้าว เก็บใส่ไว้ในกระบอกพลาสติก

( กระบอกใส่ยาพาราฯ ) แล้วเทแป้งฝุ่นลงไปเขย่าให้เข้ากัน เกิดความสงสัยเลยถาม

หลวงตาว่าใส่แป้งลงไปทำไม? ..........หลวงตาบอกว่าแป้งจะทำให้ยางในกระปอก

ไม่เสียเก็บไว้ได้นาน รูปรางรูปทรงก็เหมือนเดิม คูณสมบัติก็เหมือนเดิม.

        เข้าเรื่องกันดีกว่าครับ การบำรุงรักษาที่ปัดน้ำฝนให้มีอายุการใช้งานได้นาน

1.ใช้ผ้าชุบน้ำทำความสะอาดใบยางให้สะอาด

2.ใช้แป้งฝุ่นทาที่ใบยางให้ทั่ว

............................................................................................

 ........เคยทำมาแล้วครับได้ผลดีจริง  ลองทำกันดูนะครับ.........

.........อันนี้ขอเตือนครับและอย่าทำโดยเด็ดขาด คือการยกที่ปัดน้ำฝนเมื่อจอดรถไว้

กลางแดด เพราะขณะที่เรายกใบปัดน้ำฝน สปริงดึงก้านใบปัดจะถูกยืดออก เมื่ออยุ่ 

กลางแดดนานๆ ความร้อนจะทำให้คูณสมบัติของสปริงดึงใบปัดเสียได้ครับ แล้วจะทำ

ให้ใบปัดไม่แนบกับผิวกระจก พอไม่แนบกับกระจกก็อย่าหวังเลยครับว่า มันจะปัดได้

เรียบ ถึงจะเปลี่ยนใบยางอันใหม่ก็ตาม  ลองคิดดูครับ สปริงดึง 1 คู่กับใบยาง 1 คู่

...........ใครแพงกว่ากัน............

สวัสดีครับ.

การยกที่ปัดน้ำฝนให้พ้นกระจก ไม่ทำให้ปริงล้าหรอกครับ ลองยกดูจึงจะรู้ครับ สปิงจะยึดตัวตอนยก แล้วหดกลับ เมื่อที่ปัดน้ำฝนเลยจุดที่สปิงยืดตัวแล้ว ลองทำดูและสังเกตุด้วยนะครับ ว่าสปริงจะหดกลับไปจนสุด ดีกว่าตอนไม่ยกเสียอีกครับ ไม่ทำไม่รู้ ส่วนที่บอกว่าสปริงที่เป็นเหล็กแพงกว่ายาง คิดใหม่ได้นะครับ สปริงทนทานกว่ายางมาก และราคาก็ถูกว่ายางมาก ตัวละไม่กี่บาทครับ

เวทิน วณิชากรณ์

ยังไม่รู้จัก triz เท่าไหร่นะคะ (สนใจ กำลังเรียนรู้อยู่คะ) แต่จะขอตอบในแนวของแม่บ้านแล้วกันนะคะ

1. หากรถของคุณต้องตากแดดนาน ๆ เช่น จอดกลางแจ้งในที่ทำงาน คือ เช้ามาถึงก็จอด เย็นเลิกงานกลับบ้าน ก็ถอยรถกลับ  ให้ใช้ แผ่นกันความร้อนชนิดบางที่ขายในโฮมโปร ที่เค้าเอาไปปูบนฝ้า ที่ออกใหม่ ด้านนึงจะเป็นฟอย ด้านนึงจะเป็นยางพาราเป่าฟู เอามาเย็บเป็นซองแล้วสวมใบปัดน้ำฝน เพราะจะช่วยไม่ให้ใบปัดน้ำฝนโดนความร้อนจากแสงแดดโดยตรง ทำให้ยืดอายุแผ่นยางและไม่ต้องง้างขึ้นให้สปริงเสีย

2. การทำความสะอาดแผ่นยาง ให้ใช้ครีมล้างหน้าของคุณผู้หญิง คุณแม่บ้านที่บ้าน เช็ดทุก 3 เดือน ถ้าสกปรกมากก็เช็ดบ่อยหน่อย เพราะครีมล้างหน้า ที่ใช้ทำความสะอาดหน้า หลังการแต่งหน้าเนี่ย จะทำความสะอาดล้างพวกคราบเขม่าน้ำมันรถได้ดีค่ะ ไม่เป็นอันตรายต่อแผ่นยางด้วยค่ะ

ลองนำไปใช้ดูนะคะ

แม่น้องมุก

ผมคิดว่า สาเหตุของที่ปัดน้ำฝน อายุการใช้งานสั้น น่าจะมาจาก 2 เรื่อง

1. โดนแดดเผา

ซึ่งก็สามารถแก้ได้ด้วยการออกแบบ เพิ่มที่บังแดดให้ที่ปัดน้ำฝน เมื่อมันอยู่ในสถานะไม่ได้ใช่งาน แทนที่จะปล่อยให้ตากแดดตามปกติ อาจทำเป็นปีกบังเพิ่มตรงกระโปรงหน้า หรือ ให้ที่ปัดน้ำฝนเก็บเข้าไปใต้กระโปงหน้า 

2. ตัวยางโดนกดตลอดเวลา

ซึ่งสามารถแก้ได้ด้วยการออกแบบ จุดที่พักของที่ปัดน้ำฝน เมื่อไม่ได้ใช้งาน ให้เป็นแบบยกสูงลอยขึ้น ไม่ให้กดกับกระจกตลอดเวลา อาจทำเป็นเนิน slope เพิ่ม ให้ที่ปัดสามารถ slide ขึ้นลอยจากกระจกเมื่อถึงที่เก็บ

ยางเสื่อมจากผิวนอกสุดก่อน

ในกรณีจำเป็นต้องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

ใช้กระดาษทราบเบอร์ละเอียดมากลูบขอบที่ใช้งาน

จะได้เนื้อยางใหม่ใช้ได้สักพัก ต้องทำความสะอาดยางให้ดีอย่าให้มีเศษกระดาษทราย

แต่ควรเปลี่ยนใหม่

อายุ 1 ปีในการใช้งานปรกติถูกต้องแล้วครับ เพราะมันต้องตากแดดตากฝน วัสดุที่ใช้ทำเป็นยางประเภทไหน หากเป็นยางเคลือบเทฟลอน(PTFE) จะใช้ได้ทน อายุนานกว่าประเภทอื่น ๆ หากซื้อของถูก ก็ต้องเสียเร็วครับ ควรซื้อของแพงจะดีกว่า

ที่ผมเข้าใจนะคับ  ใน Object ..ที่ปัดน้ำฝน

1. ในด้าน Usefull function / Harmfull function

    usefull function  = ทำความสะอาดกระจก / มองเห็นที่ Supper      

                                   System

    harmfull function = กระจกไม่สะดาด เป็นรอย /มองที่ sub System

                                   (ยางชำรุด)

2. Technical System = ยางของที่ปัดน้ำฝน

3. Take Ideality ดูเพื่อเลือกทิศทางในการปรับปรุง 4 ทิศทางคับ

หลายข้อเสนอ ช่วยลดปัญหายางอายุปัดน้ำฝนสั้น   ดีๆ ครับ ขอนำไปใช้

แต่มีความคิดอีกอย่าง ไม่เกี่ยวอายุของยางปัดน้ำฝนครับ   ผมชอบอะไรที่อัตโนมัติ

ขับรถไปหน้าฝน เวลาฝนตก เราจะเปิดสวิทซ์ปัดน้ำฝน    เวลาฝนตกน้อย กับตกมากเราจะปัดด้วยความถี่ต่างกัน    บางครั้งผมรู้สึกแว๊ปขึ้นมาตอนขับรถเวลาฝนตกหนัก แล้วเหมือนว่าที่ปัดน้ำฝนรถของผมมันทำงานโดยเปลี่ยนความถี่ในการปัดกระจกเร็วขึ้น  โดยที่ผมยังไม่ได้ปรับ speed ที่ปุ่มบังคับ  แต่พอตั้งใจดูจริงๆ ไม่ใช่  เราตาลายไปเอง  แต่ก็ได้ความคิดว่า เออ มันน่าจะมี sensor ปรับความเร็วตามปริมาณน้ำฝนที่ตกลงบนกระจกรถได้นะ   ไม่ทราบต่างประเทศมีหรือยัง หรือถ้าจะทำท่านคอดว่าจะใช้หลักอะไรของ TRIZ ที่จะให้มันทำงานตามปริมาณน้ำฝน

ผมว่าทางผู้ผลิตรถยนต์น่าจะออกแบบให้ก้านที่ปัดน้ำฝนใหม่โดยที่

-ตอนใช้งาน ให้มีแรงกดใบปัดแนบกับกระจก

-ตอนไม่ใช้งาน ใบปัดลอยตัวขึ้น (เพื่อจะได้ไม่ร้อนและเสียรูป)

คิดว่าไม่น่ายากจะใช้แรงดันน้ำมัน หรือลูกเบี้ยวไฟฟ้าก็น่าทำได้ แต่อย่างว่าละครับ ทำแล้วขายอะไหล่ได้น้อยลง จะทำทำไม

1.ผลิตแผ่นยางปัดน้ำฝน 2 หน้า  เมื่อหน้าที่ 1 เสียหาย  ให้กลับด้านใช้หน้าที่ 2 แทน

2.ออกแบบให้ก้านปัดน้ำฝนสามารถพับเก็บได้โดยระบบไฟฟ้า  

      เมื่อไม่ใช้งานก็พับเก็บแผ่นยางปัดน้ำฝนจะไม่สัมผัสกับกระจกรถตลอดเวลา และยังไม่ต้องรับความร้อนจากกระจกรถหรือแสงแดดอีกด้วย ทำให้ยางปัดน้ำฝนมีอายุการใช้งานนานขึ้น

      เมื่อต้องการใช้งานสามารถกางที่ปัดน้ำฝนออกมาใช้งานได้  

3.เปลี่ยนวัสดุจากยางปัดน้ำฝนเป็น Air Jet & Brush โดยที่ Air Jet จะทำหน้าที่เป่าลมไล่น้ำและสิ่งสกปรก  ส่วน Brushเป็นแปรงทำหน้าที่ขัดถูให้สิ่งสกปรกออกจากกระจกรถ   และในส่วนของแปรงจะเป็นขนเล็กๆ มีอายุใช้งานมากกว่าแผ่นยางอยู่แล้ว

ต้องขอบคุณหลายๆท่านที่มาเสริมความคิดที่กระทู้นี้ครับ

ทำให้มองได้ว่า  เราอาจจะให้กระจกรถทำความสะอาดกระจกด้วยตัวของมันเองโดยไม่ต้องมีระบบ(ใบมีด)ปัดน้ำฝนมารองรับ  ก็สามารถทำงาน(ฟังก์ชัน)ได้  ซึ่งสอดคล้องกับนิยามความเป็นอุดมคติของอัลต์ชูลเลอร์ที่ว่า ระบบในอุดมคตินั้นไม่มีระบบก็ยังสามารถทำงานได้ตามต้องการ  คือแทนที่จะต้องมีระบบ(ใบมีด)ปัดน้ำฝน  ก็ปล่อยให้ลมที่พัดสวนมาในขณะที่รถเคลื่อนที่ช่วยพัดพาน้ำฝนบนกระจกให้ปลิวหายไป   ลมที่พัดสวนมานี้เป็น Resources ในระบบที่ถูกนำมาใช้ในการแก้ปัญหาการทำความสะอาดกระจกอย่างเป็นอุดมคติ  โดยไม่ต้องมีระบบ(ใบมีด)ปัดน้ำฝนมารองรับ  ก็สามารถทำงาน(ฟังก์ชัน)ได้   แต่ถ้ารถวิ่งช้าหรือจอดนิ่ง  อาจจะต้องใช้ลมจากระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์มาช่วยแบบที่บางท่านแนะนำไว้ข้างบน  ซึ่งก็เป็น Resources ในระบบที่สามารถนำมาใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

พูดถึงเรื่องระบบในอุดมคติ(Ideality)นั้น   ไปเจอโจทย์ตัวอย่างอันหนึ่งที่ใกล้เคียงกับระบบกระจกรถทำความสะอาดกระจกด้วยตัวของมันเองโดยไม่ต้องมีระบบ(ใบมีด)ปัดน้ำฝนมารองรับ  นั้นคือ ระบบกรวยลำเลียงยาเม็ดโดยการหมุนดันเม็ดยาขึ้นไปเพื่อปล่อยให้ไหลลงสู่สายพานลำเลียงต่อไป นั้น  จะต้องมีระบบตรวจสอบโดยคนที่จะมาดูว่ามีเม็ดยาเม็ดไหน  แตกเสียหาย  ก็จะหยิบออก  เพราะเม็ดยาอาจแตกหรือบิ่นได้เนื่องจากแรงกระแทกระหว่างที่ระบบกรวยลำเลียงหมุนดันเม็ดยาขึ้นไป 

จะแก้ไขให้เป็นระบบในอุดมคติได้อย่างไร  โดยไม่ต้องมีระบบตรวจสอบโดยคน   ระบบก็สามารถทำงาน(ฟังก์ชันหยิบเม็ดยาที่แตกเสียหายออก)ได้ด้วยตัวมันเอง

ให้พยายามหา Resources ในระบบที่มีอยู่แล้วมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการแก้ปัญหา

อาจจะต้องปรับแต่งระบบลำเลียงบ้างเพียงเล็กน้อย   แต่ระบบลำเลียงยังเหมือนเดิมทั้งกรวยและสายพาน

ท่านที่รู้เฉลยอยู่แล้ว  ก็ลองคิดในรูปแบบอื่นดูนะครับ