อ่านข่าว ไทยรัฐ เช้านี้ เรื่อง การเมืองเดินเข้าสู่หนทางตีบตัน

หลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคไทยรักไทย พลิกเกมไม่ยอมร่วมลงสัตยาบัน ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน หันไปชูธงสัญญาประชาคม ชิงเป็นฝ่ายนำในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

การเมืองเดินเข้าสู่หนทางตีบตัน

ขณะที่สถานการณ์ที่ท้องสนามหลวง เกือบเที่ยงคืนวันเดียวกัน “มหาจำลอง” พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสนธิ ลิ้มทองกุล พลิกยุทธวิธีกะทันหัน นำม็อบเคลื่อนออกถนนราชดำเนิน มุ่งหน้าสู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ยื่นเงื่อนตาย “ทักษิณ” ต้องลาออกภายใน 5 วัน

เที่ยงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นายกฯทักษิณเรียกผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าหารือเครียดที่ทำเนียบรัฐบาล

หลุดประโยคร้อนๆ “เล่นอย่างนี้ไม่ไหวแล้วเว้ย กติกาไม่มีแล้ว”

พร้อมๆมีข่าวลือที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายกฯทักษิณตัดสินใจลาออก ทหารเตรียมปฏิวัติ

หุ้นตกรูดแดงเถือกทั้งกระดาน

สถานการณ์เขม็งเกลียว เดาไม่ออกเลยว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย

“จะเอาอย่างไรก็เอากัน บอกมาเลยอะไรก็ได้”

ท่าทีล่าสุดนายกฯทักษิณโอนอ่อนถึงที่สุด ถึงขนาดลงทุนจะไปหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่บ้านหรือที่ทำการพรรคก็ได้

.............

จาก http://thairath.co.th/thairath1/2549/politic/mar/01/scpol.php

ในวงการทริซ  มีความพยายามในการใช้ TRIZ ไปแก้ปัญหาทางด้านบริหารและสังคม  นอกเหนือ ไปจากด้านเทคนิคที่ทริซใช้ได้ดีอยู่แล้ว

อยากให้ลองประยุกต์ใช้เครื่องมือของทริซในการผ่าทางตันของปัญหานี้ดู

เผื่อจะมีทางออกที่ดีสำหรับประเทศชาติ

มันมี Contradiction ครับ

คนนายกมือสะอาดมักไม่มีวิสัยทัศน์ ประเทศชาติไม่พัฒนา

นายกเก่งแต่คนเขาบอกว่ามีปัญหาเรื่องจริยธรรม

เลยเกิด Contradiction ระหว่าง จริยธรรมกับการพัฒนา

อาจต้องใช้ Principle of Separation เช่น

Separation in Time --- หน้าไว้หลังหลอก มีจริยธรรมต่อหน้า แต่ลับหลังขาดจริยธรรม คือต้องซุกดีๆ อย่าให้ใครรู้ (อ้าวยุให้โกงอีก)

หรืออีกอย่างคือนายกต้องอยู่ในตำแหน่งและไม่อยู่ในตำแหน่งในเวลาเดียวกัน

เช่น เดินสายไปต่างประเทศตลอด 1 ปี ไม่อยู่ในไทย แต่ยังเป็นนายกอยู่

Saparation in Scale ---- ตุกติกแต่เอาเงินไปช่วยคนจน

ดูภายเล็กเห็นไม่มีจริยธรรม แต่ดูภาพรวมแล้วมีจริยธรรม

Separation in Condition ---- เช่น ไปเอาเปรียบต่างชาติแทน แต่ Fair กับคนไทย

......เอทำไมมีแต่วิธีโกงหว่า

ทริซมองความขัดแย้งเป็น 2 แบบ

แบบแรก  คือ ความขัดแย้งเชิงกายภาพ

ในผลิตภัณฑ์หรือระบบทางเทคนิคใดๆ ถ้าเราต้องการให้มีสมรรถนะอย่างหนึ่ง(F1) องค์ประกอบหนึ่งจะต้องมีคุณสมบัติอย่างหนึ่ง(P) แต่เมื่อเราต้องการให้มีสมรรถนะอย่างหนึ่ง( F2) องค์ประกอบนั้นจะต้องมีคุณสมบัติที่ตรงกันข้ามกับ P คือ –P
ถ้าอธิบายด้วยคำพูดง่ายๆ จะสามารถอธิบายได้ว่า
องค์ประกอบนั้นจะต้องมีคุณสมบัติสูง และต้องมีคุณสมบัติต่ำ
องค์ประกอบนั้นจะต้องมีอยู่และไม่มีอยู่ในเวลาเดียวกัน

ลักษณะเช่นนี้ เราเรียกว่า ความขัดแย้งเชิงกายภาพ

การแก้ปัญหาความขัดแย้งเชิงกายภาพ โดยใช้หลักการของการแบ่งแยก

หลักการของการแบ่งแยก (Separation)
การแบ่งแยกในเชิงสถานที่ (Space)
การแบ่งแยกในเชิงเวลา (Time)
การแบ่งแยกในเชิงภาพรวมกับส่วนย่อย (Part and the whole)
การแบ่งแยกโดยการกำหนดเงื่อนไข (Condition)

ถ้ามองว่า นายกเป็นตัวปัญหา  ความขัดแย้งเชิงกายภาพในที่นี้ คือ นายก ดี แต่ เลว

 คือ ถ้าเราต้องการให้นายกบริหารประเทศ(F1) นายกจะต้องมีคุณสมบัติอย่างหนึ่ง ดี (P) แต่เมื่อเราต้องการให้นายกสร้างราคาหุ้น( F2)  นายกนั้นจะต้องมีคุณสมบัติที่ตรงกันข้ามกับ P คือ เลว (–P)

การแก้ปัญหาความขัดแย้งเชิงกายภาพ โดยใช้หลักการของการแบ่งแยก ในที่นี้  จะลองใช้ข้อการแบ่งแยกในเชิงภาพรวมกับส่วนย่อย (Part and the whole)

กล่าวคือ ในเชิงภาพรวม นายกจะมีคุณสมบัติ  ดี
ในเชิงส่วนย่อยแล้ว นายกจะมีคุณสมบัติ  เลว บ้าง ช่างหัวมัน

พอจะยอมรับได้ไหม  แค่ 73,000 ล้านบาทเท่านั้นเอง

แบบ 2  คือ ความขัดแย้งเชิงเทคนิค 
คือ เมื่อคุณสมบัติอย่างหนึ่งหนึ่งดีขึ้น คุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งหนึ่งจะเลวลง

ถ้ามองว่า นายกเป็นตัวปัญหา คู่ของความขัดแย้งเชิงเทคนิค ในที่นี้ อาจเป็น

ความสามารถด้านบริหารกับจริยธรรม ฃึ่งเมื่อดูจาก  Contradiction Matrix ของ TRIZ จะใกล้เคียงกับ

39. ผลิตภาพ  V.S  27. ความน่าเชื่อถือ 

ลองดูที่จุดตัด  หาหลักการแก้ปัญหา  แล้วคิดต่อกันดูนะครับ

ช่วยนี้อุณหภูมิการเมืองร้อนจนผมมึนไปเลย

กลับมาลองคิดใหม่

มองแง่ดีที่ผ่านมาการเมืองของเราพัฒนาเป็นไปตาม Evolution of Technological System มี 2 อย่างที่เป็นไปตาม กฏของ Evolution คือ

1. การพัฒนาไปสู่ Ideality จะเห็นได้ว่า Useful Function คือ ประสิทธิภาพการบริหาร (หรือ Productivity) สูงขึ้น นอกจากนี้ระบบการพัฒนาไปสู่แนวทางที่รัฐนูญอยากให้เป็นเช่น พรรคการเมืองลดลง มีการขายนโยบายที่เป็นรูปธรรม เป็นต้น

2. แต่ปัญหาคือ การพัฒนาของแต่ละ Component นั้นวิ่งไปไม่เท่ากัน คือขณะที่ Useful Function ที่กล่าวมาพัฒนาไปมาก เกิด Harmful Function คือ ความไม่โปร่งใสรูปใหม่ โดยที่กลไกการตรวจสอบไม่พัฒนาตาม จนในที่สุดระบบเกิด Contradiction ขึ้นมา

สำหรับผมมองว่าทางออกที่ดีสำหรับปัญหานี้คือ ต้องพัฒนาระบบไปสู่ Ideality คือ Useful Function ต้องไม่ลด และ ต้องเสริมกลไกที่จะ Eliminate Harmful Function

ปัญหามาถึงทางตันเนื่องจากไม่แต่ละฝ่ายไม่ได้ให้ทางออกที่ไปสู่ Ideality กล่าวคือ

1. ฝ่ายม็อบ + ฝ่ายค้าน เรียกร้องให้นายกออกลูกเดียว ถ้าได้ตามนี้จะได้เรื่อง Eliminate Harmful Function แต่เสีย Useful Function (คือมีนายกที่เก่ง) ทำให้ฝ่ายเชียร์ท่านทักษิณไม่ satisfied

ผมคิดว่าต้องกลับไปดูที่ Function ที่แท้จริงที่ฝ่ายม็อบต้องการคือ เรื่อง Eliminate Harmful Function ที่น่าพอใจ ถ้าผมมองว่าถ้าไม่ไล่ท่านนายกลงดื้อๆ เปลี่ยนเป็นทำให้มีการตรวจสอบที่ยอมรับได้ (ด้วยวิธีอะไรสักอย่าง) ที่ยุติธรรม ถ้าท่านนายกไม่ผ่านก็ค่อยออกไป แต่ถ้านายกผ่านต้องให้ท่านอยู่ในเวทีการเมืองต่อ

2. ฝ่ายท่านนายก ถ้าบริหารต่อไปโดยไม่มีการถูกตรวจสอบ ฝ่ายไล่ก็จะไม่ยอม

ทางออกก็คือต้องยอมรับกระบวนการตรวจสอบ คือผ่านกระบวนการฟอกตัวที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ และแก้ระบบเพื่อลด Harmful Function ในอนาคต

หรือหากมองอีกด้านในมุมของกลุ่มผู้สนับสนุน ทรท อาจบอกได้ต้องการรักษา Useful function ไว้ คือต้องมี ท่านทักษิณ หรือผู้มีความสามารถเป็นตัวเลือกในอนาคต

การที่จะพัฒนาขั้นต่อไปได้ ต้องเอาชนะ contradiction ตามวิธีการของ TRIZ มี Operator ตัวต่างๆ เช่น

- Separation in Space and in Time : ห้ามเผชิญหน้าเอาจุดขัดแย้งมาชนกัน ณ ที่และเวลาเดียวกันเด็ดขาด

- Mediator ต้องหาคนกลางในการเจรจาที่ยอมรับของทุกฝ่าย

หาคนกลางที่จะตรวจสอบเรื่องของท่านนายก เพื่อให้เกิดการพิจารณาที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย คือให้ฝ่ายม็อบกับฝ่ายค้านตรวจสอบไม่ได้เพราะมีแต่จะด่ากัน Discradit กัน ไม่ได้ตรวจสอบจริงๆ

- Turn Harm to Benefit มองแง่ดีโอกาสนี้จะสามารถพัฒนาระบบให้ดีไปอีกขั้นด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อพัฒนา components ที่ล้าหลังระบบอยู่เช่น กลไกการถ่วงดุลอำนาจต่างๆ

นอกจากนี้ช่วงนี้คนตื่นตัวเรื่องการเมืองมากเป็นพิเศษเป็นช่วงที่เหมาะที่จะศึกษา สอนคนให้เข้าใจประชาธิปไตย สอนการดูเกมการเมือง สอนให้คิดเป็น สอนการแก้ความขัดแย้ง การเจรจาต่อรอง

อีกอันหนึ่งคือสมมุติจะให้ท่านนายกลาออก ในขณะที่ยังไม่มีการพิพากษาอย่างยุติธรรม พอจะหาทางลงให้ทางแบบ Turn Harm to Benefit ได้ไหม คือไม่ใช่ถูกไล่แบบทรราชซึ่งจะทำให้ฝ่ายเชียร์ไม่พอใจ เช่น

- เสนอแนวทางถูกตรวจสอบให้ท่านได้สู้ข้อครหา

- ให้ท่านเว้นชั่วครู่ แล้วพร้อมให้กลับมาใหม่ลงเป็นตัวเลือกของประชาชนได้ใหม่หลักผ่านการตรวจสอบที่ยอมรับได้ (ยกเว้นมีความผิดหลังการตรวจสอบ)

- ให้ลงแบบสง่างาน เช่น (คิดเล่นๆ) ให้ท่านลงแล้วแต่งตั้งเป็นรัฐบุรุษ ผู้บริหารการการจนแห่งชาติ เฉลิมฉลอง 3 วัน 3 คืน

วิธีอาจจะยังไม่ลงตัว แต่สาระสำคัญคือ ทางออกไปสู่ Ideality คือ รักษา Useful Function ไว้ และ สร้างกลไก ตรวจสอบและขจัด Harmful Function

ขอบคุณคุณจรัลครับ  ที่มาช่วยกันสร้างและเสริมแต่งต่อยอดไอเดียให้เกิดคอนเซ็ปท์ในการแก้ปัญหา

คืนนี้จนถึงคืนวันอาทิตย์    อุณหภูมิคงสูงแน่ๆ     นโยบายประหยัดพลังงานของรัฐบาลคงไม่เวิร์คแน่ๆ    นอกจากเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส     เอาอุณหภูมิที่ร้อนแรงนี้ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น

ขอฝากเรื่องเบาๆแต่จริงจัง  มาสร้างบรรยากาศ  ลดอุณภูมิที่กำลังร้อนแรงนี้บ้าง

	ฟูฟูขอกู้ชาติด้วยคน(ตัว) โดย king f. - อาทิตย์, 5 กุมภาพันธ์ 2006, 10:21AM
	สุนัขหัวใจรักชาติ(เหมือนเจ้าของ)เมื่อถึงเวลาที่ชาติต้องการฟูฟูขอลุยด้วยคน(ตัว)

กำหนด เป้าหมาย ตำแหน่งที่แน่นอน แล้ว......