Dr.Yoshiro Nakamatsu นักประดิษฐ์กับความคิดหลุดโลก
โดย Trizit B - ศุกร์, 28 พฤศจิกายน 2008, 07:38AM
 

เมื่อคืนดูรายการชีพจรโลกของสิทธิชัย หยุ่น 

เจอนักประดิษฐ์ชาวญี่ปุ่นผู้มีผลงานสิทธิบัตรมากกว่า 3000 ชิ้น

เลยขอเอาข่าวและคลิปมาฝากกัน   เผื่อจะได้ลองถกเถียงกันดูว่า ความคิดสร้างสรรค์มาจาก DNA ของบรรพบุรุษจริงอย่างที่เขาพูดหรือไม่  และ ความคิดสร้างสรรค์จะแว๊บขึ้นมาเองในสมองจริงหรือไม่   ฟังดูแล้ว วิธีการสร้างสรรค์ความคิดของเขาไม่มีระบบที่ชัดเจนนัก  เหมือนเป็นการ ลองผิดลองถูก ( Trial and Error )  แต่ก็น่าชื่นชมว่า เขาใช้พลังงานสมองเป็นอย่างมาก แม้อายุจะใกล้ 80 แล้ว


นักประดิษฐ์กับความคิดหลุดโลก

มีชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งชื่อ ดร. โยชิโร นากามัตส์ เขาถ่ายภาพอาหารและวิเคราะห์อาหารที่กินทุกมื้อเป็นเวลาถึง 34 ปี จนได้รับรางวัล Ig Nobel ในสาขาโภชนาการเมื่อปี 2005

รางวัล Ig Noble ไม่ใช่รางวัลโนเบลที่เรารู้จักกันดี แต่เป็นรางวัลที่ล้อรางวัลโนเบลอีกที ในขณะที่รางวัลโนเบลนั้นจะมอบให้กับผู้ที่ประสบความสำเร็จในสาขาต่างๆ (ที่เรารู้จักกันดีก็คือสาขาสันติภาพ) ส่วนรางวัล Ig Nobel มอบให้กับคนที่ประสบความสำเร็จในการ “ทำให้ผู้คนหัวเราะในตอนแรก และเกิดความคิดตามมา” รางวัลนี้จัดโดยนิตยสาร AIR (Annals of Improbable Research) และมีพิธีมอบรางวัลกันที่โรงละครแซนเดอร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

ยิ่งไปกว่านั้น ชายชาวญี่ปุ่นผู้นี้ยังเป็นคนที่ไม่ยอมศิโรราบให้กับความรำคาญของตัวเองเขาที่มีต่อเสียงรบกวนจากฝุ่นละอองซึ่งเกาะอยู่ตามร่องแผ่นเสียงขณะฟังเพลงของบีโธเฟน จนทำให้เขาคิดวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ ด้วยการประดิษฐ์เครื่องบันทึกข้อมูล (เสียง) ที่มีคุณภาพดีกว่าขึ้นมา หรือที่เรารู้จักมันในนาม “ซีดี”

แม้ว่าประดิษฐกรรมที่สำคัญกับชนชาวโลกอย่างซีดีจะทำให้คนทั่วโลกที่หลงใหลในเสียงเพลงต้องติดหนี้บุญคุณชายผู้นี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่งานประดิษฐ์ชิ้นแรกของเขา เพราะความจริงก็คือ ดร. นากามัตส์เริ่มประดิษฐ์คือเครื่องบินจำลองอันเป็นงานประดิษฐ์ชิ้นแรกของเขาตั้งแต่อายุห้าขวบ ไม่กี่ปีถัดมา เมื่อเห็นแม่ของเขาลำบากลำบนกับการดูดน้ำมันก๊าดขึ้นจากถัง เขาจึงคิด “ที่ปั๊มอัตโนมัติ” ขึ้นมา กระทั่งแม่ของเขาซึ่งเป็นครูเริ่มเห็นแววนักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ในตัวของเด็กชายนากามัตส์ จึงได้กระตุ้นให้เขาสร้างแบบจำลองขึ้นและช่วยในการจดสิทธิบัตรความคิดต่างๆ ของเขาจากนั้นมา

ไม่น่าแปลกใจกับความจริงที่ว่า ดร. นากามัตส์ได้รับการยอมรับอย่างสูงในฐานะนักประดิษฐ์ตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว โดยมีผลงานชิ้นสำคัญคือ ฟล็อปปี้ดิสท์ ซึ่งเขาได้ขายลิขสิทธิ์ในการผลิตให้กับ IBM

จากสถิติของกินเนสบุคส์ ดร. นากามัตส์ มีสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับการจดทะเบียนกว่า 3,200 ชิ้น หรือมากกว่าโทมัส เอดิสันเกือบ 3 เท่า โดยสิ่งประดิษฐ์ของเขาซึ่งมีตั้งแต่ฟล็อบปี้ดิสท์ ซีดี ดีวีดี นาฬิกาดิจิตัล กล้องซีนีมาสโคป ไปจนถึงมิเตอร์สำหรับรถแท็กซี่ ล้วนแล้วแต่เกี่ยวพันกับชีวิตประจำวันของเรา

สิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากันก็คือ วิธีการที่ชายผู้นี้ใช้ในการคิดงาน ด้วยวิธีการดำน้ำโดยไม่ใช้ถังอ๊อกซิเจนให้นานที่สุดจนกว่าจะเกิดไอเดียขึ้นมา และเมื่อขึ้นจากน้ำ สิ่งแรกที่เขาทำก็คือการจดความคิดลงบนแผ่น Plexiglas (วัสดุคล้ายแก้ว) และแม้จะมีผู้คนมากมายถามเขาถึงอันตรายจากวิธีการสุดเสี่ยงในการคิดค้นงานประดิษฐ์แบบนี้ แต่ดร. นากามัตส์ก็มักจะตอบว่า วิธีการคิดงานแบบนี้แม้ว่าจะอันตราย แต่ความตายกลับไม่ใช่ส่วนหนึ่งในงานวิจัยของเขา ดังนั้นเขาจึงยังคงเลือกที่จะอยู่ใต้น้ำ และปล่อยให้ความคิดต่างๆ นานาหลุดลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำอยู่เสมอ

ดร. นากามัตส์ไม่สนใจว่าใครจะหาว่าเขาประหลาด ทั้งยังสนุกกับการเรียกตัวเองว่า “ชายวัยกลางคน” ทั้งๆ ที่มีอายุถึง 80 ปีแล้ว นั่นก็เพราะเขามีเป้าหมายที่จะอยู่ให้ได้ถึง 140 ปี!

หมายเหตุ: พบกับการบรรยายโดย ดร. โยชิโร นากามัตส์ ในงานชุมนุมทางความคิดประจำปี “Creativities Unfold, Bangkok 2008 Connecting Dots – Business : People : Culture” ซึ่งจัดโดยศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ระหว่างวันที่ 3 – 5 ตุลาคม 2551 ภายในงานพบกับการผนึกกำลังของสุดยอดนักคิด นักออกแบบ และผู้บริหารธุรกิจหลายแขนงจากทั่วทุกมุมโลกที่จะมาร่วมระดมความคิดและแลกเปลี่ยนนานาทัศนะ พร้อมรับฟังกรณีศึกษาที่สร้างแรงบันดาลใจ ตลอดจนแนวทางที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นผลงานได้จริง
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่www.creativitiesunfold.com

http://www.tcdc.or.th/articles.php?act=view&id=47

Dr. Yoshiro NakaMats / Inventer

A Japanese inventor claiming to hold the world record for number of inventions with over 3,000, Dr. Yoshiro NakaMats’ properties include "PyonPyon" spring shoes as well as the basic technology for the floppy disk, the CD, the DVD, the digital watch, CinemaScope, and the taxicab meter. Nakamatsu has licensed about a dozen of his patents related to the floppy disk technology to IBM Corporation in 1979, but the details of the arrangement are confidential. He was awarded the 2005 Ig Nobel prize for Nutrition, for photographing and retrospectively analyzing every meal he has consumed during a period of 34 years.

The Nakamatsu’s method of invention involves diving underwater without an oxygen tank or snorkel and staying below the surface for as long as possible until an idea bubbles up. Upon resurfacing, he then writes down the idea on a dripping-wet Plexiglas tablet. When asked if all that underwater breathing was dangerous to his health, he said yes, but that dying was not part of his research.

NakaMatsu doesn’t mind being called eccentric. He is a graduate of the University of Tokyo and completed a doctorate program in engineering. Now seventy-eight years old, NakaMatsu refers to himself as a middle-aged man, thanks to his theory of longevity, which emphasizes equal attention to five basic elements: spirituality, food and drink, muscle training, sleep, and sex.

ตอบ: Dr.Yoshiro Nakamatsu นักประดิษฐ์กับความคิดหลุดโลก
โดย Trizit B - ศุกร์, 28 พฤศจิกายน 2008, 07:42AM
 

ดูคลิปรายการชีพจรโลกของสิทธิชัย หยุ่น  ได้ที่

http://hiptv.mcot.net/viewFlv.php?flvId=19389


ตอบ: Dr.Yoshiro Nakamatsu นักประดิษฐ์กับความคิดหลุดโลก
โดย nong zzzz - อังคาร, 2 ธันวาคม 2008, 04:27PM
  ยิ้ม  ได้ดูเหมือนกันครับ .... ผมว่าความคิดที่ว่าเวลาที่วิกฤติที่สุด สมองจะหาทางออกได้ตามสภาพแรงเค้น...มีความเป็นไปได้ ถ้าหากเวลาปกติตามธรรมชาติร่างกายใช้งานความสามารถได้ไม่เต็มที่ จนถึงเวลาจวนตัวหรือวิกฤติเหมือนตอนคนแข็งแรงแตกตื่นเวลาไฟไหม้ วิ่งแบกโอ่งได้.... ที่ว่าร่างกายหลังฮอร์โมน อะไรบางอย่างชื่ออะไรจำไม่ได้... แต่ในกรณี ดร.คนนี้ ในนาทีวิกฤติ ร่างกายเขาอาจหลั่งฮอร์โมน พิเศษ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นสมองให้หาทางออกได้.....น่าจะให้เขาทำการทดสอบ ทางวิทยาศาสตร์ ในสภาวะวิกฤติ ร่างกายเขาผลิตฮอร์โมนอะไรออกมา.... แล้วเรามาหาวิธี ผลิตเป็นสารพิเศษ .... ฉีดให้คนเป็นอัจริยะ แบบทางลัด เหมือนพวกนักกีฬาใช้ยาโด๊ป ...  เอาแบบว่า ไม่ต้องฝึกฝน ก็เก่งได้.... ผลิตคนเก่งๆ ออกมาให้เยอะๆ โลกนี้จะได้มีอะไรให้สนุก ๆ  เพิ่มไปอีกเรื่อย ๆ.....กัดฟัน